Sunday, May 26, 2013

[Toys in the Garden: ArtFX+ The Flash] ชายผู้ได้รับพลังจาก Speed Force และผองเพื่อน


กลับมาอีกครั้งกับ ArtFX+ ตัวที่ 3 จากตระกูล Justice League New52 ของ Kotobukiya

ArtFX+ The Flash New 52


The New 52: The Flash ArtFX+ Statue


ข้อมูลพื้นฐาน
Manufacturer: Kotobukiya
Price: 4400 Yen / $39.99
Release Status: March 2013

ยิ่งทำยิ่งสวยจริงๆ สำหรับตระกูล ArtFX+ ของ Kotobukiya คราวนี้มาถึงคิวของชายผู้ได้รับพลังจาก Speed Force ....... The Flash เนื้องานทำออกมาได้แจ่มมากๆเหมือนเดิม (สีแดงออกมาสวยและสดกว่าภาพโปรโมตซะอีก ชอบมาก)


ยืนโชว์หล่อแบบเต็มๆตัว



เงาแว๊บๆ รายละเอียดเก็บมาดีมากๆ ไม่มีจุดให้ติเลยสำหรับ The Flash ตัวนี้


ด้านหลังไม่มีอะไร แต่ด้วยการปั้นและการลงสี ดูเรียบๆแต่ก็ยังแจ่ม


ด้านหลังแบบเต็มๆตัว (ทำไมถ่ายรูปออกมาแล้วดูแผ่นหลังใหญ่ๆหว่า)


และที่พลาดไม่ได้ ต้องถ่ายรูปกับแก๊งค์ลิงประจำบ้าน


Superman & Green Lantern & The Flash


ถ่ายจากด้านหลัง ไม่มีอะไรน่าสนใจเหมือนเดิม ผ่านๆไป


สง่างามยิ่งนัก


จงโดน จงโดน ซื้อซะ ซื้อซะ!!

Aquaman กับ Batman กำลังเดินทางมาเมืองไทย
Wonder Woman กับ Cyborg ยังไม่ออก


ใกล้รวมกันได้ภาพนี้แล้วววววววว 

Justice League New52




Wednesday, May 8, 2013

[Living Room Theater] Upside Down - Fantasy/ช่องโหว่เยอะ แต่ชอบ

มหกรรมขุดหนังแผ่นมาดู มาอีกแล้ว คราวนี้ 2 เรื่อง ซึ้งทั้งสองเรื่องหาความสมเหตุสมผลในเนื้อหาแทบไม่ได้ แต่เรื่องหนึ่งดูจบแล้ว Feel Good มากๆ กับอีกเรื่องที่ดูจบแล้วรู้สึกว่าตูดูอะไรอยู่เนี้ย

ออกตัวก่อนเลยว่า ผมดูหนังเพื่อความบันเทิงชั่วครั้งชั่วคราว ณ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น ไม่ใช่กูรูในหนังเรื่องนั้นๆเลย ดังนั้นบทความนี้จึงเป็นความรู้สึกจากการดูหนังเรื่องนั้นๆจบแล้วจบกัน ไม่มีการค้นคว้าเพิ่มเติมใดๆทั้งสิ้น)

[SPOILED ALERT] บทความนี้เปิดเผยเรื่องราวและตอนจบแน่ๆ ใครคิดว่าจะดูหรือไม่อยากรู้ตอนจบ อย่าอ่านครับ เราเตือนคุณแล้ว

.

.

.


Upside Down


เรื่องนี้เคยอ่านเจอเรื่องย่อจากไหนไม่รู้ แล้วรู้สึกว่าน่าดูดี บวกกับ Kirsten Dunst เลยหยิบมาดูอย่างไม่ต้องคิดมากนัก

เรื่องย่อ

เปิดเรื่องมาก็เกริ่น Logic ของหนังยัดใส่หัวคนดูเต็มๆ ว่าโลกในเรื่องนี้มี 2 ด้าน ด้านบนกับด้านล่าง มีแรงดึงดูดของตัวเอง มองเห็นโลกอีกฝั่งนึงจะๆไม่มีกั๊ก โลกด้านบนเป็นโลกของคนรวย และโลกด้านล่างเป็นโลกของคนจน มีการกีดกันแบ่งแยกชนชั้นกันอย่างชัดเจน (ใครนึกภาพไม่ออก ถ้าเคยเล่นเกม Rockman ภาคเก่าๆ น่าจะ 4 หรือ 5 นี่แหละ ที่เป็นฉากแม่เหล็ก ถูกดูดขึ้นดูดลง แบบเดียวกันเด๊ะๆ...... โชว์แก่เลยตู)

พระเอกของเรื่อง Adam ในตอนเด็กได้บังเอิญเจอกับนางเอกของเรื่อง Eden (ตอนแรกได้ยินชื่่อพระเอกว่า Adam เดาไปก่อนเลยว่านางเอกต้องชื่อ Eva แน่ๆ หน้าแตกไปตามระเบียบ) โดยการปาเครื่องบินกระดาษทะลุจากโลกด้านล่างไปด้านบน แล้วนางเอกเก็บได้ แล้วก็รู้จักกัน และแอบรักกัน (น้ำเน่ามากๆ) ไปมาหาสู่กันโดยพระเอกโยนเชือกไปให้นางเอกมัดตัวเอง แล้ว Adam ก็ค่อยๆสาว Eden (สาวเชือกนะ อย่าคิดลึก)ลงมาหาอย่างเทพ

แล้วโชคชะตาก็เล่นตลก มีคนจับได้ Adam จึงรีบสาว(เชือก... เชือกจริงๆ)ส่ง Eden กลับโลกด้านบน แต่ยังไม่ทันถึงพื้น Adam ก็โดนลูกปืนสอยเข้าที่ไหล่ ทำให้ Eden หลุดมือตกลงพื้นดังแอ๊ก เลือดนองพื้น

10 ปีผ่านไป Adam คิดครีมหน้าเด้งได้ (ครีมที่ทำให้วัตถุไปใช้แรงดึงดูดของอีกฝั่ง) แล้วก็บังเอิญรู้ว่า Eden ยังไม่ตายจาก TV ทำให้ Adam ไปสมัครงานในบริษัทที่ Eden ทำงานอยู่ (บริษัทนี้เป็นบริษัทเดียว ที่เชื่อมโลกทั้งสองฝั่งเข้าด้วยกัน) โดยมี Bob เพื่อนที่นั่งอยู่ด้านบนหัวของ Adam เป็นเพื่อนสนิท(ในเรื่องนี้ ทั้งสองโลกอยู่ในพื้นที่เดียวกันได้ แต่คนโลกล่างจะถูกดูดติดกับพื้น คนโลกบนจะถูกดูดติดเพดาน) จนในที่สุด Adam ก็ได้ไปเจอ Eden อีกครั้ง(ในนามของ Bob) แต่ Eden จำอะไรไม่ได้เพราะความจำเสื่อม(มุกหนังไทยชัดๆ)

แล้ว Bob ก็โดนไล่ออก(เพราะอะไรไม่รู้) Bob เลยเป็นใจ ทิ้งของที่จะช่วยให้ Adam เข้าออกโลกด้านบนได้ Adam เลยสวมรอยเป็น Bob เพื้อข้ามเข้าออกโลกด้านบน(ทำไมโดนไล่ออก แล้ว ID card ไม่โดนยึดแถมยังมีสิทธิเข้าออกได้อีกด้วยฟระ)

แล้วระหว่าง Adam กำลัง Present ครีมหน้าเด้งให้บอร์ดบริหารดูอยู่ Eden ก็โผล่เข้ามาพอดี เลยงอน Adam วิ่งหนีไป หลังจากนั้นก็อารมณ์หนังอินเดีย Eden หนี Adam วิ่งตาม(แต่ไม่ได้วิ่งไปร้องเพลงไปนะ :P) แต่คราวนี้ถึงคราวซวยของพระเอก ID card ของ Bob ใช้งานไม่ได้แล้ว(เพิ่งรู้ตัวเร๊อะ) Adam โดนตำรวจไล่ตามจนต้องหนีไปซ่อนกับ Bob แล้วก็ช่วยกันวิจัยครีมหน้าเด้งมาใช้ในการทำให้ข้ามโลกกันได้

แล้วอยู่ๆ Eden ก็นึกออกขึ้นมาหน้าตาเฉยเลยว่าเคยกิ๊กกับ Adam แล้วก็มี Love Scene กันเล็กน้อยหอมปากหอมคอ ตำรวจโผล่มาไล่จับ Adam ทำให้ Adam ต้องหนีกลับมาโลกด้านล่าง แล้ว Adam กับ Eden ก็มาเจอกันที่เดิมที่สมัยเด็กเจอกันแล้วก็ฟีเจอร์ริ่งกัน (แบบผาดโผนลอยตัวอยู่ในอากาศ แต่ไม่มีฉากให้เห็นอะไรขาวๆทั้งสิ้น หนังให้จิ้นกันไปเอง) Adam ข้ามไปส่ง Eden แต่โดนตำรวจเป็นฝูงวิ่งไล่จับ ทั้งคู่ก็หนีไปจนพลาด Adam ยอมตกกลับมาที่โลกด้านล่างเพื่อให้ Eden รอด แล้วด้วย Skill พระเอกของ Adam ทำให้ตกลงมาเหนือยอดไม้

Adam หมดหวังที่จะได้เจอ Eden ไปแล้ว แล้วพระเอกตัวจริงก็มา Bob ข้ามมายังโลกด้านล่างได้หน้าตาเฉย(ด้วยผลวิจัยต่อยอดจากครีมหน้าเด้ง) แล้วก็นัดให้ Adam ไปเจอ Eden โดยคราวนี้ Eden เป็นฝ่ายข้ามมาโลกด้านล่างเอง แถมท้องซะด้วย แล้วฉากของหนังก็เฟดออกเป็นมุมกว้างให้เห็นว่า หลังจากเหตุการณ์นี้ โลกทั้งสองก็ได้เชื่อมเข้าหากัน มีความเจริญเท่าเทียมกันและอยู่ใกล้ชิดกันแล้ว

วิจารณ์

Idea ของหนังดีมากๆ มีการเล่นกับเรื่องแรงดึงดูดตลอดเวลา แต่ช่องโหว่ของหนังก็เยอะมาก มีจุดให้จับผิดได้แทบทั้งเรื่อง แถมจบง่ายไป

ที่หนังใช้ชื่อ Adam กับ Eden แทนที่จะเป็น Adam กับ Eva น่าจะพยายามสื่อให้เห็นถึงความพยายามในการแหกกฎของ Adam ในสวน Eden ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง

ดาราในเรื่องทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี ถึงแม้จะไม่มีตัวไหนดูแล้วแสดงได้อย่างเทพก็เถอะ

สรุป

หนังดูสนุก จินตนาการดี ดูอย่างพยายามไม่จับผิดจะเป็นหนังที่ดี ดูเพลินๆได้ดีทีเดียว Feel Good กันเลย

########## เรื่องที่ 2 หนังสยอง The Cabin in the Woods ############

[Living Room Theater] The Cabin in the Woods สมกับคำโฆษณาที่ว่าอย่าคิดว่าหนังห่วย เพราะมันเป็นหนังอะไรก็ไม่รู้

มหกรรมขุดหนังแผ่นมาดู มาอีกแล้ว คราวนี้ 2 เรื่อง ซึ้งทั้งสองเรื่องหาความสมเหตุสมผลในเนื้อหาแทบไม่ได้ แต่เรื่องหนึ่งดูจบแล้ว Feel Good มากๆ กับอีกเรื่องที่ดูจบแล้วรู้สึกว่าตูดูอะไรอยู่เนี้ย

ออกตัวก่อนเลยว่า ผมดูหนังเพื่อความบันเทิงชั่วครั้งชั่วคราว ณ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น ไม่ใช่กูรูในหนังเรื่องนั้นๆเลย ดังนั้นบทความนี้จึงเป็นความรู้สึกจากการดูหนังเรื่องนั้นๆจบแล้วจบกัน ไม่มีการค้นคว้าเพิ่มเติมใดๆทั้งสิ้น)

[SPOILED ALERT] บทความนี้เปิดเผยเรื่องราวและตอนจบแน่ๆ ใครคิดว่าจะดูหรือไม่อยากรู้ตอนจบ อย่าอ่านครับ เราเตือนคุณแล้ว

.

.

.


The Cabin in the Woods



ช่วงที่หนังเรื่องนี้ฉาย เห็นแผ่นผ้าติดเต็มไปหมด พร้อมคำโปรยที่ว่า "อย่าคิดว่า...หนังจะห่วยเหมือนโปสเตอร์หนังสยองขวัญดาดๆที่คุณเห็น" ช่างกล้าใช้คำโปรยนัก คิดในใจว่าแผ่นออกแล้วจะหามาดูซะหน่อย

เรื่องย่อ

เปิดเรื่องมาก็มีนักวิทยาศาสตร์กำลังวิจัยอะไรอยู่ก็ไม่รู้ รู้แค่จะเอาคนมาใช้เป็นเครื่องทดลอง แล้วก็ตัดมาพูดถึงนางเอกของเรื่อง ว่าโดนครูที่มหาวิทยาลัยงาบไปเรียบร้อย ไม่ซิงซะแล้ว(ตอนแรกก็งงว่าหนังมันจะพยายามยัดเยียดเรื่องนี้ให้รู้ทำไมฟระ แต่ดูๆไปก็อ๋ออออ เล่นงี้เลยนะ) โดนเพื่อนพยายามจับคู่ให้กับเพื่อนของแฟนตัวเอง โดยจะนัดไปเที่ยวกันที่บ้านในป่าของคนในกลุ่ม (ตามสูตรหนังสยองขวัญเป๊ะๆ) โดยมีส่วนเกินเป็นเพื่อนสมัยเด็กของนางเอกที่เพิ่งดูดยากำลังมึนๆอยู่ไปด้วย

หนังตัดสลับไปมาระหว่างเหตุการณ์ฝั่งนางเอกกับนักวิทยาศาสตร์ ว่านักวิทยาศาสตร์พวกนี้ กำลังส่งพวกนางเอกทั้ง 5 คนไปตาย มีการพ่นยาให้หื่นและโง่ด้วย โดยมีสารพัดผีและปิศาจให้เลือกว่าจะสุ่มได้ผีตัวไหน (ผีและปิศาจจริงๆ ไม่ใช่คนเตี๊ยมกัน) พวกนางเอกไปปล่อยผีออกมาโดนการอ่านคัมภีร์โบราณ(Evil Dead ชัดๆ)  แล้วก็ตามสูตรเพื่อนนางเอกที่ตู้มและเอ๊กซ์ที่สุดในเรื่องต้องตายก่อนเป็นคนแรก หนังเริ่มเปิดให้เห็นว่าการส่งพวกนางเอกไปตายเป็นการบูชายันต์ให้กับอะไรบางอย่าง แถมไม่ได้มีที่เดียวที่ทำแบบนี้ มีทำอยู่เป็นสาขาทั่วโลกเลย แต่เจ๊งบ๊งไปหมดแล้ว

แล้วอยู่ๆพ่อหนุ่มเมายาก็จับได้ว่า พวกตัวเองกำลังถูกจับตาอยู่ ก็พยายามหนีกับ แล้วหนังก็ยัดเยียดให้คนดูรู้อีกอย่างว่า พ่อหนุ่มเมายาก็โดนวางยาโง่แต่ดันบังเอิญวางยาผิด เป็นยาแก้อาการโง่แทน เลยคิดทันพวกนักวิทยาศาสตร์

ยังๆ ยังยัดเยียนข้อมูลให้คนดูไม่พอ หนังยังพยายามบอกว่า สาวบริสุทธิ์ต้องตายเป็นคนสุดท้าย(ซึ่งหมายถึงนางเอก ที่ตอนแรกบอกกันโต้งๆว่าไม่บริสุทธิ์แล้ว) แต่ถ้าหาบริสุทธิ์ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร หยวนๆไปได้ซะงั้น

หลังจากหนีผีกันอยู่พักใหญ่ก็เหลือแต่นางเอกกับพ่อหนุ่มเมายา ที่เจอทางเข้าไปยังห้องทดลองของนักวิทยาศาสตร์พวกนั้น ระหว่างทางก็เจอสารพัดผีโดนจับอยู่ในกล่องสี่เหลี่ยมที่เลื่อนไปเลื่อนมา(ให้ความรู้สึกเหมือนห้องในเรื่อง Cube มากๆ) แล้วพวกผีก็โดนปล่อยออกมา พวกผีเลยไปไล่ฆ่าพวกนักวิทยาศาสตร์เรียบ

นางเอกกับพ่อหนุ่มเมายาหนีไปเรื่อยๆ จนไปเจอกับบอสใหญ่ Sigourney Weaver (เจ้าแม่ Alien ที่หลังๆ รับบทแต่หนังแปลกๆทั้งนั้น เรื่องก่อนที่เจอก็เรื่อง Paul ซึ่งเป็นหนังล้อเลียนหนังมนุษย์ต่างดาว) มาเฉลยว่าพวกนางเอกต้องโดนฆ่าเพื่อบูชายันต์ให้กลับเทพเจ้าโบราณ

นางเอกของเราเรื่องอะไรจะยอมตาย จึงจัดการสอยเจ๊ Weaver ร่วงไป แล้วก็นั่งรอว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วก็ ตู้ม.............. มีมือยักษ์พุ่งออกมาจากใต้พื้นโลกตบบ้านเละเป็นโจ๊กไป เป็นอันจบเรื่อง

วิจารณ์

หนังพยายามยัดอะไรก็ไม่รู้เข้ามาเต็มไปหมด ซึ่งมันไม่ได้แปลกใหม่สมกับคำโปรยของโปสเตอร์เลย ไม่ว่าจะเป็น

  • มุกคัมภีร์โบราณและฉากผีโผล่ของ Evil Dead
  • มุกห้องเลื่อนไปเลื่อนมาของ Cube
  • มุกกัดหนังสยองขวัญเรื่องอื่นๆ ด้วย Logic พื้นฐานของหนังแนวนี้
  • ดูไปได้ไม่เกิน 30 นาที จะเดาทิศทางของเรื่องได้ทันทีว่าจะไปทางไหน ถึงแม้จะไม่เป๊ะๆก็เถอะ
Joss Whedon ไม่ได้ช่วยให้หนังเรื่องนี้ดีอย่างที่ทำได้ในผลงานหลายๆเรื่องของเค้า เช่น Buffy The Vampire Slayer, Astonishing X-Men(Comic), The Avengers เมืองนอกพยายามขายชื่อของ Joss ไปกับหนัง แต่เมืองไทยน่าจะเปล่า เพราะดูจบยังไม่รู้เลยว่า Joss เกี่ยวข้องกับหนังนี้ด้วย


สรุป

ไม่ว่างจริงๆ อย่าหยิบเรื่องนี้มาดูเลย มันเป็นหนังที่อะไรของมันก็ไม่รู้ บรรยายไม่ถูก ดูจบเบลอไป 10 วินาที

########## เรื่องที่ 1 หนัง Fantasy ที่ดูจบแล้ว Feel Good เรื่องหนึ่งเลย Upside Down ##########